
คนที่ตัดสินใจมาอาศัยอยู่ที่เกาะขนาดเล็กที่มีพลเมืองทั้งสิ้น 688
คนแห่งนี้ น่าจะต้องเป็นมนุษย์ประเภทที่มีความพิเศษบางประการ กล่าวคือ
อาจจะค่อนข้างพิลึกกึกกืออยู่สักหน่อย
ในขณะเดียวกันเกาะแห่งนี้ก็น่าที่จะเป็นเกาะที่มีความพิลึกกึกกืออยู่เหมือนกันจึงสามารถรองรับพลเกาะที่พิลึกกึกกือทั้ง
688 คนนี้ได้
ถ้าตอนนี้ผมอาศัยอยู่ในเมือง
ผมจะต้องออกไปร่วมสังสรรค์นอกบ้านกับพวกนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่างๆ อย่างแน่นอน
แต่ที่เกาะแห่งนี้ผมสามารถพบปะกับนักวิชาการประจำเกาะ ชาวประมง คนงานโรงงานอุตสาหกรรม
และพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ในการสังสรรค์หนึ่งครั้งโดยพร้อมกัน
โดยทุกคนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะนั่งดื่มร่วมกันบนเสื่อที่ทำจากต้นทาทามิที่บ้านของผมเอง ขณะที่พวกเราล้อมวงคุยกันอยู่สมาชิกคนอื่นๆ
ก็จะนั่งอยู่ในบริเวณเดียวกันนี้ด้วย พิจารณาดูวัยของแต่คนที่อยู่รวมกันในที่นี้มีตั้งแต่อายุ
25 ปี ไปจนถึง 81 ปี
ถ้าคุณเกิดอยากรู้ว่าคนญี่ปุ่นที่นี่มีอายุยืนมากแค่ไหน
คุณจะต้องมาที่เกาะแห่งนี้ ผมสาบานได้เลยว่ายังมีคนที่เกาะแห่งนี้บางคนมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยของ
Heian และพวกเขาเหล่านี้ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายด้วยตัวเอง
ซึ่งถ้าคุณได้เห็นพวกเขาเหล่านี้ด้วยตนเอง คุณจะประหลาดใจว่า พวกเขาทำได้อย่างไร
สิ่งที่ผมคาดเดาได้ก็คือว่า
มันจะต้องเป็นอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับวิถีความเป็นอยู่บนเกาะนี้
ซึ่งคุณอาจจะค้านว่า วิถีชีวิตบนเกาะไหนๆ ก็เหมือนกัน แต่ที่เห็นได้ชัด ไม่ใช่ที่เกาะแห่งนี้
เกาะแห่งนี้เป็นหนึ่งในหมู่เกาะ Kasaoko ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด
5 เกาะด้วยกัน ที่เกาะอื่นๆ พลเกาะได้ลดลงปริมาณถึงครึ่งหนึ่งในช่วง 10
ปีที่ผ่านมา ยกเว้นที่เกาะ Shiraishi แห่งนี้ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันปริมาณพลเกาะลดลงเพียง 23 เปอร์เซ็นต์
บางทีเราน่าจะลองหาสาเหตุถึงการลดปริมาณของพลเกาะดังกล่าว
แต่ผมเชื่อว่า
สิ่งที่ทำให้พลเกาะของที่นี้มีมากกว่าจำนวนเฉลี่ยโดยทั่วไปน่าจะเป็นเพราะว่า
คนบนเกาะนี้ไม่ตายเร็ว และไม่เพียงแต่เท่านั้นสถิติที่พบก็คือ
พลเกาะของเกาะนี้จำนวนมากกว่า 200 คนจากทั้งหมด 688 คน มีอายุมากกว่า 67 ปี
และพวกคนเหล่านี้ก็ยังสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง ดูแลตนเองได้
ผลก็คือมันทำให้พวกเรารู้สึกเป็นหนุ่มเป็นสาวขึ้น
ผมได้ใช้เวลาเฝ้าสังเกตผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้และได้ข้อสรุปเป็นทฤษฎีหลายอันที่เนื่องด้วยการมีอายุยืนยาว
ซึ่งคุณเองก็สามารถนำไปใช้ทำให้ตัวเองมีอายุยืนเกิน 200 ปีได้
ทฤษฎีแรก การก้มตัว: การก้มตัวน่าจะต้องมีส่วนทำให้คนเรามีอายุยืน
คนสูงอายุทั้งผู้หญิงและผู้ชายบนเกาะแห่งนี้ทำงานอยู่ในสวนผักตลอดวัน
และส่วนใหญ่พวกเขาจะต้องก้มตัวในขณะที่กำลังปลูกต้นผักหรือในขณะที่ทำการเก็บผักจากแปลงผัก
ก็ลองคิดดูซิว่า ถ้าคนเรายืนก้มตัวได้ทั้งวัน นั่นหมายความว่า คนๆ
นั้นมียังมีสามารถในการก้มตัวได้อยู่และเขาก็ต้องสามารถแตะหัวแม่เท้าของตัวเองได้ด้วย
ซึ่งถ้าคนเรายังสามารถทำสิ่งดังกล่าวได้
เราก็ยังสามารถใส่ถุงเท้าและรองเท้าได้ด้วยตัวเองทุกวัน
ทฤษฎีที่สอง การงอเข่า: การงอเข่าน่าจะเป็นความลับอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเราอายุยืนยาว
เมื่อผู้สูงอายุสามารถนั่งงอเข่าทำงานในไร่ได้อย่างยาวนานทั้งวัน
หรือแม้แต่นั่งคุยกันบนพื้นที่มุมใดมุมหนึ่ง
หรือนั่งพักดื่มน้ำกินของว่างด้วยกันบนพื้น ตราบใดที่คนเรายังนั่งบนพื้นเสื่อได้
แสดงว่าเรายังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงพอที่จะลุกขึ้นจากพื้นเสื่อนั้นได้ด้วย
และนั่นก็แสดงว่า เราสามารถลุกขึ้นจากที่นอนเสื่อแบบญี่ปุ่นซึ่งปูนอนบนพื้นได้ด้วย และสามารถใช้ห้องสุขาแบบคนญี่ปุ่นได้ด้วยตนเอง
ทฤษฎีที่สาม การเข็นรถผัก: การเข็นรถขนผักก็น่าจะเป็นกุญแจอีกอันหนึ่งของการมีอายุยืนได้
เมื่อเราเห็นพวกหญิงชราเข็นรถขนผักกลับจากสวน พวกเขาเข็นมันไปอย่างช้าๆ
คุณเห็นแล้วคงคิดว่า กว่าจะถึงบ้านมีหวังเป็นชั่วโมง ซึ่งจริงๆ ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น
และพวกเขาก็ยังทำเช่นนั้นอยู่ สำหรับพวกเขาแล้ว จะไม่มีทางนั่งอยู่กับบ้าน ดูทีวี
สิ่งเหล่านี้ไม่มีมาตั้งแต่ยุคสมัย Heian ที่พวกเขาเติบโตมาและก็จะไม่มีในปัจจุบันนี้ด้วย
ทฤษฎีที่สี่ การข้ามถนนแบบผิดกฎหมาย: อันนี้ไม่ใช่เป็นการเดินเหม่อนะครับ
และมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการเดินด้วย เพียงแต่ว่า
ผู้สูงอายุที่เกาะแห่งนี้ได้คิดวิธีการออกกำลังกายขึ้นมาด้วยตนเอง
ซึ่งวิธีการออกกำลังกายของพวกเขานั้นเป็นการผิดกฎหมายอย่างมาก
ถ้าคุณต้องเดินทางข้ามเรือจากเกาะไปที่แผ่นดินใหญ่เพื่อเข้าเมือง
ก่อนจะถึงตัวเมืองคุณจะต้องข้ามถนนที่มีการจราจรพลุกพล่านไปด้วยรถนานาชนิดที่วิ่งอย่างเร็วและเสียงดัง
ในขณะที่พวกคนหนุ่มสาวก็จะเดินไปที่มีไฟจราจรเพื่อรอสัญญาณไฟแดง
ส่วนพวกผู้สูงอายุเหล่านี้ก็จะเดินไปหยุดรอที่ใกล้เส้นขอบถนนมากที่สุด
และทันทีที่มีช่วงจังหวะของรถที่ขาดช่วง ผู้สูงอายุเหล่านี้ก็จะรีบออกวิ่งอย่างสุดชีวิตข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม
และเมื่อคุณได้ลองคิดดู ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ
มันเป็นการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับผู้สูงอายุเลยนะ
เพราะว่ามันเป็นแค่ระยะทางสั้นๆ ต้องการแค่กำลังกายในการวิ่งชั่วเดี๋ยวเดียว
แถมด้วยความเป็นไปได้ที่จะถูกรถปูนซิเมนต์บดทับ
ในขณะที่คนทั่วไปในโลกนี้วิ่งมาราธอนระยะทาง 42
กิโลเมตรไปตามขอบถนน ผู้สูงอายุของเราเหล่านี้ใช้ความเร็วในการวิ่งระยะ 10
เมตรเพื่อข้ามถนนให้ได้ และผมขอยืนยันว่า
บ่อยครั้งที่ผมได้เห็นพวกผู้สูงอายุเหล่านี้สอนกันให้ทำอย่างนี้
สงสัยว่าพวกเขาอาจจะกำลังต้องการทำให้การกระทำเช่นนี้กลายเป็นกีฬาชนิดใหม่ในงานเทศกาลประจำเกาะในครั้งต่อไป
ชื่อว่า แข่งวิ่งข้ามถนน (road
sprinting) ก็เป็นได้
ผมยังเชื่ออีกว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า
ที่เกาะแห่งนี้น่าจะมีกีฬาเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่งคือ การแข่งวิ่งรถเข็นคนชรา
และก่อนจะถึงวันนั้น
พวกเขาควรจะต้องฝึกซ้อมการเข็นรถคนชราแบบยกล้อหน้าขึ้นให้ชำนาญ ซึ่งแน่นอนล่ะ
ผู้สูงอายุวัย 80 ปีทั้งหลายในปีนี้ก็จะยังอยู่ที่เกาะแห่งนี้ในปี 2019 คืออีก 10
ปีข้างหน้า เพราะคนชราในเกาะของเราไม่ค่อยตายกันหรอก
เพียงแต่จะเปลี่ยนสภาพเป็นผู้นั่งรถเข็นเท่านั้น
ตอนนี้คุณก็ได้รู้ความลับการมีอายุยืนยาวแล้วนะครับ โอ! ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกคือ
การทำตัวบ๊องบ๊องบ้างบางทีก็ดีเหมือนกันนะครับ
ที่มา-http://search.japantimes.co.jp/rss/fl20081101cz.html