เมื่อวันที่
1 มี.ค. ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รมว.ศึกษาธิการ
กล่าวว่า จากการประชุมผู้บริหารระดับสูง ศธ.เมื่อเร็วๆนี้
ได้เห็นชอบสาระการศึกษาที่ควรบัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.)
เสนอให้พิจารณาก่อนที่จะนำเสนอต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่จะคล้ายกับที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540
โดยมีสาระหลักๆที่สำคัญที่จะเสนอ ได้แก่
หมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย
เดิมกำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปีอย่างทั่วถึง
โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
แต่จะยกเลิกและกำหนดใหม่โดยระบุให้บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกัน
ในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี
ที่รัฐจะต้องจัดสรรทรัพยากรให้อย่างเป็นธรรมและเพียงพอ
เพื่อให้สามารถจัดการศึกษาได้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ
และการจัดการศึกษาอบรมของรัฐต้องคำนึงถึงการมีส่วนร่วมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชน
ตามที่กฎหมายบัญญัติ
การจัดการศึกษาขององค์กรวิชาชีพและเอกชนภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ
ย่อมได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายบัญญัติ
“การยกเลิกให้รัฐจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
ไม่ได้เป็นการปลดล็อกอะไร เพียงแต่ว่าเมื่อรัฐกำหนดให้มีการศึกษาภาคบังคับ
9 ปีก็ต้องจัดการศึกษาให้ทุกคนได้เรียน
ขณะเดียวกันเมื่อรัฐตั้งเป้าจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี
หากไม่เขียนกฎหมายบังคับรัฐให้จัดการศึกษาให้เพียงพอ
ก็จะเกิดช่องโหว่เหมือนรัฐธรรมนูญฉบับเก่า
ที่เปิดช่องให้โรงเรียนเก็บค่าใช้จ่ายในกิจกรรมเสริมนอกหลักสูตรปกติบางชนิด
ด้วยการไประดมทรัพยากรและการบริจาคจนทำให้เกิดปัญหาบานปลาย
เพราะโรงเรียนไม่ได้เก็บมาเสริมแต่ไปเปิดสอนในส่วนต่างๆเพิ่ม เช่น
สอนเสริมคอมพิวเตอร์ ภาษาอังกฤษ ว่ายน้ำ ซึ่งไม่ใช่
แต่กลายเป็นว่าเปิดเพื่อนำทรัพยากรตรงนี้มาเสริมรายจ่ายปกติทำให้เป็นภาระยุ่งเหยิงแก่ผู้ปกครอง”
ศ.ดร.วิจิตรกล่าวและว่า เมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้อาจจะต้องมีการปรับกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกัน ทั้งนี้
ในส่วนของค่าบำรุงการศึกษาหรือค่าเทอมนั้นแม้จะปรับแก้เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญใหม่คงไม่มีผลอะไร
รัฐจะไม่เก็บจากค่าใช้จ่ายส่วนนี้เหมือนเดิม.
|