กรมอนามัยห่วงหญิงวัยเจริญพันธุ์ พึ่งหมอตี๋ทำแท้งเถื่อน เตือนอันตรายถึงชีวิต ถ้าโชคดีรอดชีวิตอาจเป็นหมัน
ร้อยละ 40 หลังแท้งมีภาวะแทรกซ้อนอย่างรุนแรง ทั้งติดเชื้อในกระแสโลหิต ไตวาย ตกเลือด และมดลูกทะลุ
วางมาตรการเชิงรุก เน้นการให้ความรู้การป้องกันปรับทัศนคติผู้ให้บริการใน รพ.ทุกแห่ง
เพื่อการเข้าถึงบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ที่ปลอดภัยมีคุณภาพ และช่วยเหลือผู้มีปัญหาด้วยความเห็นอกเห็นใจ
       



       นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การตั้งครรภ์ไม่ได้วางแผนหรือไม่พึงประสงค์เป็นปัญหาสาธารณสุขและสังคมที่สำคัญและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
สาเหตุหนึ่งของการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ คือ การขาดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องอนามัยการเจริญพันธุ์ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย การใช้วิธีคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้องและการเข้าไม่ถึงบริการคุมกำเนิด หากหญิงคนนั้นไม่ได้รับคำปรึกษาและความช่วยเหลือที่ถูกต้องจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอย่างไม่ถูกต้องและไม่ปลอดภัย
เป็นผลให้เกิดปัญหาสุขภาพกาย จิตใจ ครอบครัว และสังคมตามมา ได้แก่ พยายามที่จะทำให้การตั้งครรภ์สิ้นสุดลงด้วยวิธีต่างๆ จนเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย
       
       นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อว่า ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-49 ปี) เป็นประชากรกลุ่มใหญ่มีจำนวนถึง 16 ล้านคน
หรือ 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ แม้การแพทย์และสาธารณสุขของไทยจะเจริญก้าวหน้าไปมากทัดเทียม
หรือนำหน้าประเทศที่กำลังพัฒนาอื่นๆ แต่ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์และการแท้งที่ไม่ปลอดภัยยังคงเป็นปัญหาที่บั่นทอน
สุขภาพกาย จิตใจ และคุณภาพชีวิตของหญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยพบว่าอัตราการตายของมารดาขณะตั้งครรภ์ คลอด และหลังคลอด
เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อ 5 ปีก่อน และการแท้งที่ไม่ปลอดภัยเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการตายของมารดาซึ่งจากการสำรวจของกรมอนามัย
พบว่า ร้อยละ 40 ของผู้หญิงหลังแท้งมีภาวะแทรกซ้อนอย่างรุนแรง เช่น ติดเชื้อในกระแสโลหิตไตวาย ตกเลือด และมดลูกทะลุ
รวมทั้งพบว่าอัตราการตายของผู้หญิงจากการแท้งไม่ปลอดภัยในปี 2542 สูงถึง 300 ต่อ 100,000
ผู้หญิงที่ทำแท้งซึ่งสูงกว่าการตายของมารดาจากการคลอดเป็นหลายเท่า และข้อมูลปี 2547 พบผู้หญิงเข้ารับการรักษาหลังแท้งจำนวน 13,833 คน
       
       ในจำนวนนี้มีโรคแทรกหลังแท้งร้อยละ 36.2 และเสียชีวิต 12 คน ซึ่งเป็นข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยที่ตัวเลขนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เข้ามารับการรักษาในโรงพยาบาลบางส่วน
       
       “ปัญหาการแท้งที่ไม่ปลอดภัย ส่วนใหญ่เกิดจากความยากจนขาดความรู้และการช่วยเหลือจากสังคม และคนรอบข้าง การตั้งท้องขณะยังเรียนอยู่
การท้องไม่มีพ่อ หรือครอบครัวมีลูกหลายคน ซึ่งเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ถ้ารู้จักใช้วิธีการคุมกำเนิดอย่างถูกต้องและถ้าหาก
เกิดความผิดพลาดในการคุมกำเนิดหรือไม่ได้คุม การทำแท้งก็ไม่ใช่วิธีการยุติปัญหา โดยเฉพาะการทำแท้งโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์หรือไม่มีความรู้ด้วยวิธีที่ไม่สะอาด
อาจเป็นอันตรายทั้งในระยะสั้น และระยะยาว กรมอนามัยจึงได้จัดการอบรมแพทย์พยาบาลที่ให้บริการแก่สตรีที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ด้วยการให้คำแนะนำปรึกษาเกี่ยวกับ
สิทธิการเข้าถึงบริการอนามัยการเจริญพันธุ์ที่ปลอดภัยมีคุณภาพ การดูแลหญิงหลังแท้ง การรักษาภาวะแทรกซ้อนจากการแท้งที่ไม่ปลอดภัยและ
การป้องกันการแท้งซ้ำซาก ที่สำคัญเน้นให้มีการบริการผู้ที่มีปัญหาด้วยความเห็นอกเห็นใจ รวมทั้งการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาอนามัยการเจริญพันธุ์ และการวางแผนครอบครัวอย่างเข้มข้นขึ้น และเมื่อมีผู้ประสบปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ขอให้ครอบครัวและสังคมร่วมกันช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาอย่างจริงใจ
ไม่ปล่อยให้ผู้หญิงเหล่านั้นเผชิญปัญหาเองอย่างโดดเดี่ยว” นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวในที่สุด
 
 
 
 
ที่มา-

แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

บทความที่เกี่ยวข้อง